TowGrab Logo
จองเลย
ช่วยเหลือฉุกเฉิน

รถเสียในไทยต้องทำอย่างไร? คู่มือเอาตัวรอดฉบับสมบูรณ์

TowGrab Team
2025-12-15
อ่าน 12 นาที
รถเสียในไทยต้องทำอย่างไร? คู่มือเอาตัวรอดฉบับสมบูรณ์

คู่มือครบเครื่องเรื่องรถเสียบนท้องถนนเมืองไทย เรียนรู้วิธีจัดการสถานการณ์อย่างปลอดภัย เบอร์โทรฉุกเฉิน และวิธีเรียกรถสไลด์ที่ไม่โดนฟันราคา

การรถเสียเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเสมอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นบนทางด่วนที่รถวิ่งกันเร็ว หรือบนถนนเปลี่ยวในต่างจังหวัด ความกังวลใจย่อมทวีคูณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่รู้ว่าจะต้องติดต่อใคร หรือกลัวว่าจะโดนช่างฟันราคา

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดขับหรือขับรถมานาน การรู้วิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก คู่มือนี้จะบอกทุกขั้นตอนที่คุณต้องรู้เมื่อรถเสียในประเทศไทย

1. ความปลอดภัยต้องมาก่อน: 5 นาทีแรกที่สำคัญที่สุด

ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือทันทีที่รถเริ่มมีปัญหาและคุณพยายามจะจอด

นำรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัย

ทันทีที่คุณรู้สึกว่าเครื่องยนต์สะดุด ได้ยินเสียงแปลกๆ หรือยางแตก ห้ามหยุดรถกลางถนนเด็ดขาด หากรถยังพอเคลื่อนที่ได้

  • เปิดไฟเลี้ยวซ้ายทันที: เพื่อบอกรถคันหลังว่าคุณกำลังจะเบี่ยงออก
  • ประคองรถเข้าไหล่ทาง: พยายามจอดให้ชิดขอบทางด้านซ้ายให้มากที่สุด หากอยู่บนทางด่วน ให้พยายามเข้าช่องจอดฉุกเฉิน
  • เปิดไฟฉุกเฉิน (ไฟผ่าหมาก): เมื่อจอดสนิทแล้ว ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันที เพื่อเป็นสัญญาณเตือน

ลงจากรถให้ถูกฝั่ง

ห้ามลงจากรถทางฝั่งขวา (ฝั่งคนขับ) เด็ดขาด เพราะคุณอาจถูกรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วชนได้ ให้ปีนข้ามไปลงทางฝั่งซ้าย (ฝั่งผู้โดยสาร) เสมอ

หากรถเสียบนทางด่วนและไม่สามารถจอดในจุดที่ปลอดภัยได้ ให้คาดเข็มขัดนิรภัยและนั่งรอในรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง

ทำตัวให้เป็นจุดสังเกต

หากคุณมีป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง ให้เดินย้อนไปวางไว้ด้านหลังรถห่างออกไปอย่างน้อย 50 - 100 เมตร เพื่อให้รถที่วิ่งมามองเห็นและเบรคทัน หากไม่มี ให้เปิดฝากระโปรงท้ายไว้เป็นจุดสังเกต

2. ประเมินอาการเบื้องต้น

ก่อนโทรเรียกช่าง ลองสังเกตอาการรถสักนิด เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

  • แบตเตอรี่หมด: บิดกุญแจแล้วเงียบ หรือมีเสียงแชะๆ ไฟหน้าหรี่ลง
  • ยางแตก: พวงมาลัยดึงไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีเสียงดังพับๆ จากล้อ
  • ความร้อนขึ้น: เข็มความร้อนขึ้นขีดแดง หรือมีควันพุ่งจากฝากระโปรง ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนร้อนเด็ดขาด น้ำร้อนอาจพุ่งใส่หน้าได้

3. โทรหาใครดี? รวมเบอร์ฉุกเฉินที่ต้องมี

เมื่อรถเสีย คุณมีทางเลือกในการขอความช่วยเหลือดังนี้

ทางเลือก A: ประกันภัยรถยนต์

หากคุณทำประกันชั้น 1 ส่วนใหญ่มักจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) แถมมาด้วย ลองดูเบอร์โทรที่สติกเกอร์หน้ารถ

  • ข้อดี: ส่วนใหญ่ฟรี (ในระยะทางที่กำหนด)
  • ข้อเสีย: อาจต้องรอนาน 1-2 ชั่วโมง และขั้นตอนการประสานงานอาจยุ่งยาก

ทางเลือก B: เบอร์โทรฉุกเฉินภาครัฐ

เมมเบอร์เหล่านี้ไว้ในมือถือของคุณ:

  • 1193 - ตำรวจทางหลวง (เมื่อรถเสียบนทางหลวงต่างจังหวัด)
  • 1543 - การทางพิเศษฯ (เมื่อรถเสียบนทางด่วน)
  • 1669 - เจ็บป่วยฉุกเฉิน (หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ)

ทางเลือก C: บริการช่วยเหลือฉุกเฉินเอกชน (แนะนำ)

หากคุณต้องการความรวดเร็ว มั่นใจ และไม่อยากเสี่ยงกับรถลากที่ไม่มีมาตรฐาน เรียกใช้บริการ TowGrab

เราแตกต่างจากรถลากทั่วไปอย่างไร?

รถเสียอยู่ตอนนี้?

ทีมงานของเราพร้อมออกปฏิบัติการ ถึงมือคุณใน 30-45 นาที

เรียกช่างทันที

4. บอกพิกัดอย่างไรให้ช่างมาถูก

ปัญหาโลกแตกของการเรียกรถยกคือ "บอกทางไม่ถูก"

ใช้เทคโนโลยีช่วย

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการส่ง Location ผ่าน Line หรือ Google Maps

  1. เปิด Google Maps
  2. กดที่จุดสีฟ้า (ตำแหน่งของคุณ)
  3. แชร์ตำแหน่ง หรือคัดลอก "Plus Code" ส่งให้เจ้าหน้าที่

สังเกตสิ่งรอบตัว

หากไม่มีอินเทอร์เน็ต ให้มองหา:

  • ป้ายซอย: บอกชื่อถนนและเลขซอย
  • หลักกิโลเมตร: บนถนนใหญ่จะมีเสาหินบอกกิโลเมตรที่เท่าไหร่
  • สถานที่สำคัญ: ปั๊มน้ำมัน, เซเว่น (ดูเลขสาขาที่ประตู), หรือวัด

5. รถสไลด์ vs รถลาก: เลือกแบบไหนดี?

เมื่อเรียกรถยก คุณอาจสงสัยว่าควรใช้รถแบบไหน

รถสไลด์ (Slide-on / Flatbed) - แนะนำ

ถาดด้านหลังจะสไลด์ลงมาเพื่อให้รถของคุณขับหรือถูกดึงขึ้นไปทั้งคัน

  • เหมาะสำหรับ: รถทุกประเภท โดยเฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD/AWD), รถยุโรป, รถโหลดเตี้ย และรถไฟฟ้า (EV)
  • ความปลอดภัย: สูงที่สุด เพราะล้อรถไม่แตะพื้นเลย ป้องกันเกียร์พัง

รถลาก (Tow Dolly / Wheel Lift)

เป็นการยกหน้ารถหรือท้ายรถลอยขึ้น แล้วลากไป

  • เหมาะสำหรับ: รถขับเคลื่อน 2 ล้อ ระยะทางใกล้ๆ
  • ความเสี่ยง: หากยกรถผิดฝั่ง (เช่น ยกรถขับเคลื่อน 4 ล้อ) เกียร์อาจพังได้

ที่ TowGrab เราให้บริการด้วย รถสไลด์ เป็นหลัก เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของรถคุณ

6. เรื่องเงินๆ ทองๆ และค่าใช้จ่าย

กลัวโดนฟันราคา? นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้

  • ราคาตลาด: ในกรุงเทพฯ ค่ารถสไลด์ระยะใกล้ (ไม่เกิน 15 กม.) เริ่มต้นประมาณ 1,500 - 2,500 บาท หากไกลกว่านั้นคิดตามระยะทาง (กม. ละ 25-35 บาท)
  • ค่าบริการกลางคืน: ช่วงหลังเที่ยงคืนอาจมีค่าบริการเพิ่ม 300-500 บาท
  • ระวังนายหน้า: บางครั้งตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ทางหลวงอาจเรียกรถยกให้ ซึ่งบางคันอาจคิดราคาแพงเกินจริงเพื่อแบ่งเปอร์เซ็นต์ ให้ถามราคาก่อนเสมอ หากแพงเกินไป (เช่น 5,000 บาทสำหรับระยะใกล้ๆ) ให้ปฏิเสธและเรียก TowGrab หรือประกันของคุณเอง

7. กันไว้ดีกว่าแก้

อากาศเมืองไทยร้อนจัด ทำให้รถเสื่อมสภาพเร็ว

  • เช็คน้ำยาหล่อเย็น: อย่าปล่อยให้แห้ง
  • เช็คลมยาง: ถนนร้อนทำให้แรงดันยางเพิ่มขึ้น ควรเช็คสม่ำเสมอ
  • แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ในไทยมีอายุสั้นกว่าเมืองหนาว (1.5 - 2 ปี) หากใช้มานานแล้วควรเปลี่ยนก่อนจะเสียกลางทาง

รถเสียไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ถ้าคุณมีสติและรู้วิธีจัดการ ปัญหานี้ก็จะผ่านไปได้ง่ายๆ บันทึกเบอร์ TowGrab ไว้ในเครื่อง อุ่นใจทุกการเดินทางครับ

แชร์บทความนี้
Line
Line
ขอใบเสนอราคา